วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี

อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี

สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า นายมูฮัมหมัด ปราเซตโย อัยการสูงสุดของอินโดนีเซียเผย ทางการเตรียมเพิ่มมาตรการลงโทษผู้ต้องหาที่กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก นอกเหนือจากการจำคุก ด้วยการฉีดสารเคมีที่ทำให้ผู้กระทำความผิดเป็นหมัน หลังจากที่อัตราคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ
นายปราเซตโย กล่าวหลังจากที่เสร็จสิ้นการประชุมกับคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียว่า "(บทลงโทษใหม่)มันจะช่วยให้คนที่จะกระทำความผิดคิดทบทวนก่อนที่เขาจะก่ออาชญากรรม"
ขณะเดียวกันนายปราเซตโยกล่าวเพิ่มเติมว่า บทลงโทษใหม่จะได้รับการอนุมัติในเร็วๆ นี้ผ่านคำสั่งของผู้นำประเทศ ซึ่งมันจะกลายเป็นกฎหมายโดยทันที โดยไม่ต้องรอให้รัฐสภาลงมติสำหรับบทลงโทษนี้
โดยขั้นตอนการลงโทษคือการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าไปในร่างกายของผู้กระทำผิด ที่จะช่วยยับยั้งและลดความต้องการทางเพศ
ก่อนหน้านี้มีหลายประเทศที่ใช้บทลงโทษเดียวกันนี้ในการจัดการกับผู้กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็ก อาทิ โปแลนด์ เกาหลีใต้ และในรัฐบางแห่งของประเทศสหรัฐฯ
ตามกฎหมายของอินโดนีเซียระบุว่า ผู้ที่กระทำความผิดล่วงละเมิดทางเพศเด็กต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี แต่ในหลายคดีผู้กระทำผิดได้รับโทษน้อยกว่านั้น

อ.เจษฎาเตือน! สารเคมีจากเคสมือถือกลิตเตอร์อาจเสี่ยงผิวหนังไหม้-พุพอง

อ.เจษฎาเตือน! สารเคมีจากเคสมือถือกลิตเตอร์อาจเสี่ยงผิวหนังไหม้-พุพอง

เคสโทรศัพท์มือถือชนิดที่สามารถใส่ของเหลว ทั้งแบบมีสีและไม่มีสี ผสมกลิตเตอร์ หรือกากเพชรวิววับ เป็นที่นิยมในหมู่คนไทย และชาวต่างชาติมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เห็นทีจะไม่ปลอดภัย 100% เมื่อมีรายงานข่าวจากต่างประเทศว่า เด็กหญิง 9 ขวบ เกิดเหตุของเหลวจากเคสโทรศัพท์มือถือรั่วไหล สัมผัสบนผิวหนังขณะนอนหลับทับเคส ตื่นเช้ามาพบรอยไหม้ และพุพอง
นอกจากนี้ ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังเตือนว่าหากผิวหนังสัมผัสของเหลวภายในเคสมือถือ ให้รีบล้างออกด้วยน้ำเปล่ามากๆ เพื่อป้องกันผิวหนังพุพองจากสารเคมี
"ระวังอันตรายจากสารเคมี ในเคสมือถือ กลิตเตอร์
ปรกติผมไม่ค่อยชอบโพสต์แบบเตือนภัยอันตรายต่างๆ เพราะเดี๋ยวนี้กลัวว่าพลังของโซเชียลมันจะทำให้สังคมแตกตื่นเกินไป แต่เรื่องนี้เห็นว่ายังไม่ค่อยเป็นที่ตระหนักกัน จึงขอยกขึ้นมาหน่อยเถอะ
ทางรายการ "ทุกข์ชาวบ้านสุดสัปดาห์" ช่อง TNN24 ได้มาขอสัมภาษณ์จากกรณีข่าวที่มีเด็กหญิงวัยแค่ 9 ปี นอนทับเคสโทรศัพท์มือแบบที่มีของเหลวใสใส่ตัวกลิตเตอร์สะท้อนแสงวาวๆ อยู่ด้านหลัง  แล้วตื่นเช้ามา เกิดเป็นรอยแผลไหม้สารเคมีพุพอง เรื่องนี้จริงเท็จเป็นเช่นไร
จากการเช็คกูเกิ้ล แม้ว่าจะยังไม่เคยมีรายงานอันตรายลักษณะนี้ในไทย แต่ในต่างประเทศมีคนเจอแล้วหลายราย ทั้งในอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฯลฯ จนเชื่อได้ว่าน่าจะเรื่องจริง ที่สำคัญที่ ไม่มีการเขียนเตือนไว้เลยที่กล่องสินค้า ว่าให้ระวังอันตรายจากสารเคมี
แม้ว่าจะไม่ทราบว่าสารเคมีข้างในนั้นคืออะไร  แต่เท่าที่ลองซื้อมาจากร้านค้าทั่วไป แล้วเจาะเอามาทดสอบง่ายๆ พบว่า ของเหลวในนั้น มันมีกลิ่นฉุนรุนแรง นิ้วแตะๆ ดูแล้วรู้สึกร้อน ลองเอาไปเทราดเนื้อไก่ไว้ พบว่าเนื้อไก่เปื่อยยุ่ยใน 10 นาที (เสียดายว่าวัดพีเอชด้วยกระดาษอินดิเคเตอร์ ไม่พบว่าเป็นกรดหรือด่างเข้มข้น) จึงน่าจะฟันธงได้ว่า มันเป็นสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายได้จริงๆ ถ้ารั่วซึมออกมา
ดังนั้น การใช้เคสมือถือกลิตเตอร์แบบนี้จึงควรระวังเป็นอย่างมาก อย่าไปทำให้มันแตกรั่วซึม ถ้าสัมผัสร่างกาย ให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าเยอะๆๆ


อันตราย! ผักไทยพบสารเคมีตกค้างเกือบ 100% แทบทุกชนิด

อันตราย! ผักไทยพบสารเคมีตกค้างเกือบ 100% แทบทุกชนิด

พบสารเคมีเกือบ 100% จริง!
ตรวจพบผักที่มีสารเคมีจากยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่หลายชนิด เช่น ผักคะน้า พบสารเคมีตกค้างอยู่ที่ 85% ผักบุ้งจีน 98% ผักกวางตุ้ง 99% และกะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ แตงกวา พบมากถึง 100% เรียกได้ว่าพบสารเคมีตกค้างทุกแหล่งผลิตเลยก็ว่าได้ เพราะคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล (รพ.ศิริราช) สุ่มเก็บตัวอย่างมาทดสอบจากกว่า 100 แห่ง จากหลายจังหวัดทั่วประเทศ และในทุกฤดูกาลเลยทีเดียว
ปลูกผักผลไม้ที ใช้สารเคมี 20 กว่าชนิด?
นอกจากจะเจอสารเคมีตกค้างในผักยอดนิยมของคนไทยหลายชนิดแล้ว แต่ละชนิดยังไม่ได้พบสารเคมีแค่ตัวเดียวอีกด้วย เช่น ในผักคะน้า พบสารเคมีตกค้างมากถึง 12 ชนิด มังคุด พบสารตกค้างมากถึง 20 ชนิด หรือว่าจะเป็นส้มที่พบมากถึง 21 ชนิดเช่นกัน นั่นหมายความว่าเกษตรกรใช้สารเคมีมากถึง 21 ชนิดในการปลูกส้มนั่นเอง
ถูก-แพง ก็พบสารเคมีเหมือนกัน!
นอกจากนี้ รศ. ดร. สมพนธ์ วรรณวิมลรักษ์ จากศูนย์วิจัยพัฒนานวัตกรรม คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดำรงตำแหน่งหัวหน้าโครงการวิจัยผัก และผลไม้ที่ปลอดภัยเพื่อครัวโลก ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ราคาของผักไม่ได้การันตีว่าจะไม่พบสารเคมี หรือพบสารเคมีมากกว่าหรือน้อยกว่าแต่อย่างใด จากการสุ่มตรวจหาสารเคมีตกค้างในผักผลไม้ทั้งจากตลาดสด และในซุปเปอร์มาร์เก็ตขึ้นหาก ทั้งจากแหล่งผลิตที่เขียนข้างบรรจุภัณฑ์ชัดเจนว่า “ผักปลอดสารพิษ” “ผักอินทรีย์” สุดท้ายก็เจอสารเคมีเพียบ นั่นหมายความว่าเราจ่ายเงินมากกว่าหลายเท่า แต่ได้ผักผลไม้ที่มีสารเคมีตกค้างมากเท่าๆ กับผักผลไม้ในตลาดสด

เคล็ดลับการล้างผักผลไม้ เพื่อลดสารพิษ ยาฆ่าแมลง สารเคมีตกค้างต่างๆ
1. ล้างผักผลไม้ด้วยด่างทับทิม ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 20-30%
2. ล้างด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชู ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 30-40%
3. ล้างด้วยน้ำผสมผงฟู หรือเบกกิ้งโซดา ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 30-40%
4. ล้างผักด้วยวิธีน้ำไหล โดยแยกใบผัก กลีบผักออกมา แช่ในน้ำ 10 นาที จากนั้นหยิบใบผักขึ้นมา เปิดก็อกให้น้ำไหลผ่านผักและผลไม้ทีละใบ ทีละก้าน ถูๆ ให้สะอาดราว 2 นาที วิธีนี้ช่วยลดปริมาณสารตกค้างในผักผลไม้ได้ 60-70%

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2561

ชาวบ้านร้อง กลิ่นสารเคมีลอยทั่วหมู่บ้าน จนท.พบขยะพิษกว่า 1,000 ตัน

ชาวบ้านร้อง กลิ่นสารเคมีลอยทั่วหมู่บ้าน จนท.พบขยะพิษกว่า 1,000 ตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอเมืองราชบุรี พร้อมกับ พ.ต.อ.อภิชาต พุทธบุญ ผู้กำกับการ สภ.เมืองราชบุรี และ นายจำนง จันทรวงศ์ ปลัดอำเภอเมืองราชบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี เข้าตรวจสอบบริษัท มิราเคิล เลเธอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 159 หมู่ 9 ต.ห้วยไผ่ อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า โรงงานของบริษัทดังกล่าว ได้มีกลิ่นโชยออกมาจากโรงงานเหม็นไปทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีแรงงานต่างด้าวมาทำงานอยู่ด้วยจากการตรวจสอบ พบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก กำลังทำงานอยู่ภายในโรงงาน จึงได้เข้าควบคุมตัวไว้ แต่มีบางส่วนหลบหนีไปได้ โดยสามารถควบคุมตัวมาสอบสวน จำนวน 43 คน แบ่งเป็นแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 32 คน โดยทั้งหมดไม่มีบัตรมาแสดงตัวตน อ้างว่าบัตรอยู่ที่นายจ้าง และยังพบแรงงานชาวจีนอีก 11 คน ซึ่งทั้งหมดอ้างว่ามีบัตรพาสปอร์ต เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาดูกระบวนการทำงานของบริษัท เพื่อจะนำไปปรับใช้กับระบบอุตสาหกรรมในประเทศของตนเอง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวแรงงานทั้งหมดตรวจสอบว่า มีการเข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ นอกจากนี้ ยังพบว่าภายในโรงงานมีเครื่องจักรกล มีสายพานลำเลียงขยะอิเล็กทรอนิกส์มารีไซเคิล ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ พลาสติก และแผงไฟ ที่มีการคัดแยกแล้วบางส่วน และอยู่ระหว่างการเตรียมคัดแยกที่กองไว้และที่บรรจุในถุงรวมแล้วมากกว่าหนึ่งพันตัน โดยบางส่วนถูกนำมาบดอัด และทำเป็นเม็ดrลาสติก
โดย นายอารยะ เนตรวงษ์ หัวหน้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ราชบุรี เผยว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมาได้เข้ามาทำการตรวจสอบที่โรงงานแห่งนี้แล้ว ซึ่งเดิมเคยมีการขออนุญาตประกอบกิจการฟอกหนัง ทำหนังเทียม และมีการคัดแยกขยะ แต่ตรวจสอบก็พบว่ามีการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทำการรีไซเคิล ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน ซึ่งประกอบกิจการผิดประเภท และจะต้องทำการตรวจสอบเรื่องของการนำเข้ามาว่าถูกต้องหรือไม่ และมีจำนวนเท่าไหร่ล่าสุด ได้มีคำสั่งให้หยุดดำเนินการไปแล้ว แต่มาวันนี้พบว่ายังมีการทำงานอยู่ ก็จะต้องดำเนินคดีต่อไปอีก เพราะฝ่าฝืนคำสั่ง ส่วนขยะพลาสติกที่พบนั้น กำลังให้ทางเจ้าของโรงงานนำเอกสารมาแสดง เบื้องต้น ยังไม่พบใบอนุญาตในการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา และประกอบกิจการในส่วนของการบดอัดเม็ดพลาสติกโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงจะต้องแจ้งดำเนินคดีเพิ่มอีก

4 อาชีพเสี่ยง "โรคผิวหนังจากสารเคมี"

4 อาชีพเสี่ยง "โรคผิวหนังจากสารเคมี"

โรคผิวหนัง จากสารเคมี

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคผิวหนังที่เกิดจากสารเคมี เป็นโรคที่พบบ่อยมากในกลุ่มผู้ที่ทำงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และอาชีพเกษตรกรรม เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้วัสดุและสารเคมีที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังอย่างแพร่หลาย มีการใช้งานที่ไม่เหมาะสม หรือหากสัมผัสถูกผิวหนังโดยตรงโดยไม่มีเครื่องป้องกัน จะทำให้เกิดการระคายเคืองเกิดผื่นคันภูมิแพ้ที่ผิวหนัง และอาจเป็นโรคผิวหนังได้ 

อาชีพเสี่ยงโรคผิวหนังจากสารเคมี

อาชีพที่มีความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังจากสารเคมีได้แก่
  1. คนงานก่อสร้างที่ผสมปูนซีเมนต์
  2. คนงานในโรงงานที่เกี่ยวข้องกับโลหะ เครื่องหนัง ยางสีย้อมผ้า กาวพลาสติก เส้นใยแก้ว สีพ่น รวมทั้งน้ำมันเบนซิน และน้ำมันเครื่อง
  3. คนที่ต้องทำงานสัมผัสกับอุปกรณ์ที่ทำจากโลหะชุบนิกเกิล งานอุตสาหกรรมทำเครื่องหนัง ดอกไม้พลาสติก
  4. เกษตรกรที่ต้องใช้ปุ๋ยสารกำจัดแมลงศัตรูพืช

วิธีป้องกันโรคผิวหนังจากสารเคมี

ผู้ที่ประกอบอาชีพดังกล่าวข้างต้นควรดูแลสุขภาพของตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นภูมิแพ้ควรระวังเป็นพิเศษ โดยสวมอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีก่อนเริ่มปฏิบัติงาน เช่น สวมถุงมือที่ทำจากวัสดุพีวีซีหรือยาง ใช้ผ้ากันเปื้อน หรือสวมชุดป้องกัน เป็นต้นโดยเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับงาน หากมีอาการแพ้หรือมีผื่นคันขึ้นตามผิวหนังให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ข้อควรรู้ก่อนทาลิปสติก อันตรายแฝงจากสารเคมีที่พร้อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ


ในปัจจุบันที่เครื่องสำอางชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นหนึ่งในตัวช่วยเสริมความมั่นใจให้


สาวๆ ได้รู้สึกถึงความโดดเด่นของใบหน้า ทว่าในความงามนี้กลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะบางยี่ห้อ


บางครั้งเผลอกลืนเข้าไปสะสมในร่างกายแบบไม่รู้ตัว อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวตามมา



ยิ่งสีสด ติดทนนาน ยิ่งเสี่ยงอันตราย!
ในยุคนี้เราจะเห็นว่ามีลิปสติกสีสันสดใสผลิตออกมามากขึ้น ยิ่งสีสดแค่ไหน ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น แถมบางยี่ห้อยังเคลมอีกด้วยว่าเป็นลิปสติกที่สามารถติดทนอยู่กับริมฝีปากได้นานตลอดวันไม่มีหลุดในการทาเพียงแค่ครั้งเดียว หารู้ไม่ว่ามันเต็มไปด้วยสารเคมีที่ไม่ควรสัมผัสถูกผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น สารกันบูดที่มักผสมอยู่ในเครื่องสำอางทั่วๆ ไป, พาราเบน, เมธอะคริเลท, สารตะกั่วปนเปื้อน และไตรโครซาน ฯลฯ


สารเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบฮอร์โมน เข้าไปรบกวนการทำงานของสมอง กล้าม

เนื้อ และอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้จากผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นถึงความน่าวิตกว่าสารเคมี

มากมายจากลิปสติกที่เข้าไปสะสมในร่างกาย จะเป็นตัวการทำให้เชื้อโรคดื้อยาปฏิชีวนะตามมา ส่งผล

ให้การรักษาอาการยุ่งยากและรุนแรงมากขึ้น

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561

รู้หรือไม่ ? ใครชอบแต่งหน้า เสี่ยงสะสมสารเคมี 2 กิโลต่อปี

ปัจจุบันผู้หญิงถึง 70% แต่งหน้า และยิ่งเดี๋ยวนี้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่คลิกเดียว

สาวๆ ก็สามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างมากมาย ทำให้สามารถแต่งหน้าได้หลากหลายและสนุกยิ่งขึ้น 


โดยเลือกสไตล์การแต่งหน้าได้ตามแบบที่แต่ละคนชื่นชอบรู้กันหรือไม่ว่าในเครื่องสำอางที่ใช้กันอยู่


แทบจะทุกวันนั้นมีส่วนประกอบของสารเคมีอยู่ระหว่าง 80 – 90%

ซึ่งถ้าหากสาวๆ ไม่ดูแลปกป้องผิวหน้ากันอย่างดีแล้ว นอกจากจะได้ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยเป็นของ


แถมแล้ว ยังเสี่ยงต่อการสะสมสารเคมีในร่างกายถึงปีละ 2 กิโลกรัม ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยว


กับผิว ความผิดปกติด้านฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งก่อเกิดมะเร็งได้ ประเด็นนี้คุณหมอโทนี่ วรพล สุขีวัฒนา 


ย้ำว่า การแต่งหน้าเยอะทุกวันทำให้ผิวหน้าได้รับออกซิเจนน้อยลงทำให้เซลล์เสื่อม และดูมีอายุก่อนวัย 


ถึงแม้จะมีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีก่อนนอน ดังนั้นยิ่งผู้หญิงยิ่งแต่งหน้าหนามากเท่าไหร่ จะยิ่งสุ่ม


เสี่ยงต่อการดูแก่ก่อนวัยและผิวหมองคล้ำมากขึ้นเท่านั้น


อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี

อินโดฯ โหด! เตรียมจับนักโทษละเมิดทางเพศเด็ก ทำหมันด้วยสารเคมี สำนัก ข่าว อัลจาซีรา รายงานว่า  นายมูฮัมหมัด ปราเซตโย  อัยการสูงสุดของอินโ...